สิ้นเสียงปืน

 

นายสนั่น องค์การ

นายสนั่น องค์การ

 

“ชีวิตอยู่ในสิ่งที่อันตรายทุกขณะเมื่อคุณออกลาดตระเวนในอุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่มีความหนาแน่ของสัตว์ป่าขนาดใหญ่ คุณจะไม่มีคิดถึงสิ่งใดเมื่อพื้นที่เต็มไปด้วยการล่าสัตว์ ความตายและการบาดเจ็บสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา “
ใจหายแทบทุกครั้งที่ได้รับข่าวเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าปะทะกับกลุ่มพรานหรือพวกลักลอบทำไม้ และมีการบาดเจ็บเสียชีวิต เพราะมันหมายถึงชีวิตหนึ่งและชีวิตที่อยู่เบื้องหลังจะต้องได้รับผลกระทบในทางลบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เดือนกันยายน 2556 ที่ผ่านมา เราได้สูญเสียเจ้าห้าที่ที่ทำงานพิทักษ์ป่่าในผืนป่าตะวันตกไปสองนาย และบาดเเจ็บสาหัสอีกสามนาย ไม่ทราบว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่การปฏิบัติงานลาดตระเวนป่าเปรียบเสมือนการทำสงคราม ซึ่งหมายถึงการสูญเสีย ผมขอนุญาตินำบทความของคุณเพิ่่มศักดิ์มาเผยแพร่หลังจากการปะทะครั้งนั้น

เรื่องและภาพโดย Bigman

๑๓ มกราคม ๒๕๕๗
๔ เดือน กับอีก ๑ วัน หลังจากการปะทะกับกลุ่มพรานที่เข้ามาลักลอบล่าสัตว์ในพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออกและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ๒๒.๓๐ น. ของคืนวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๖ ทำให้ชีวิตของใครหลายคนเปลี่ยนไป
ลุงหนั่น หรือเสธ.หนั่น (สนั่น องค์การ) และหนิงหน่อย (พิริยะ เขาหลวง) คือเจ้าหน้าที่ ๒ คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในคืนนั้น

หนิงหน่อยโดนกระสุนจาก AK17 ไป ๒ เม็ด ที่ไหล่ขวาและต้นขาซ้าย ทุกวันนี้เป็นคนผสมเหล็ก เพราะมีเหล็กดามที่ไหล่และต้นขา กระดูกที่ไหล่เชื่อมติดดีแล้ว ยังต้องกายภาพให้ไหล่ใช้งานได้เป็นปกติ ส่วนขาซ้ายยังใช้งานไม่ได้ดีตามปกติ เพราะกระดูกยังไม่เชื่อมกัน จึงยังคงต้องดำรงชีพด้วยการมีขาช่วยอีก ๔ ข้าง ทุกวันนี้ต้องเช่าบ้านอยู่แทนบ้านเดิม เพราะส้วมที่บ้านเดิมเป็นแบบนั่งยองๆ จำต้องเสียค่าเช่าส้วมแบบนั่งชักโครกเดือนละ ๒,๕๐๐ บาท ขณะนี้กำลังเสาะหาเก้าอี้สำหรับนั่งขับถ่ายให้ จะได้ประหยัดค่าเช่าส้วม
เสธ.หนั่น กับวัย ๕๔ ปี คงเห็นว่าอายุเยอะแล้วจึงไม่ได้รับกระสุน AK17 แต่อย่างใด แค่ถากด้านซ้ายของคางและลำคอไปเท่านั้นเอง ปานนั้นก็แผลเบ้อเริ่มแล้วครับ ได้รับการผ่าตัด ต่อเส้นเลือด เส้นประสาท และปิดแผลแล้ว ตอนนี้อาการที่ยังคงอยู่คือตึงที่ลำคอจนถึงหนังศีรษะ เวลาคุยกันคนไม่รู้จักอาจนึกว่าเสธ.หยิ่ง ไม่อยากมองหน้า จริงๆไม่ใช่ครับ หันคอลำบากเหลือเกิน แก้ไขโดยการนำลูกประคบร้อนๆ มาประคบบริเวณลำคอ อาการอีกอย่างที่ยังเป็นอยู่ตอนนี้คือปลายมือปลายนิ้วจะชา จับกำอะไรไม่ถนัด ต้องใช้วิธีกายภาพบำบัดแบบต่อเนื่องให้ฟื้นตัวทีละนิด
วันนี้พาทั้งคู่มาโรงพยาบาลอุ้มผาง เพื่อขอใบรับรองแพทย์ประกอบเรื่องการขอพระบรมราชานุญาต ทรงรับทั้ง ๒ คนนี้ไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โชคดีที่ได้พบท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาล คุณหมอวรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เชี่ยวชาญทางด้านกายภาพบำบัดตรวจอย่างละเอียด
คุณหมอเป็นหนึ่งในผู้อุทิศตนทำงานหนักมาตลอด เป็นผู้ตระหนักถึงการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและเข้าใจถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเป็นอย่างดี อาจจะดีกว่าผู้บริหารระดับต้น ระดับสูง บางคนของกรมฯ ด้วยซ้ำ
……………….
“หมอเข้าใจว่าพวกป่าไม้น่ะทำงานหนัก เลยจะช่วยทุกอย่างที่ช่วยได้อย่างเต็มที่” หมอเอ่ยออกมาขณะที่ผมเข้าไปพบ
“คุณหมอเองก็ทำงานหนักไม่แพ้พวกผมหรอกครับ แต่คนละหน้าที่เท่านั้นเอง” ผมตอบกลับไป เพราะเคยเห็นเวลารถรีเฟอร์วิ่งเข้าไปรับคนเจ็บในทางทุรกันดาร
“นั่นแหละครับ เราเลยต้องให้กำลังใจกันในการทำงาน” หมอกล่าวทิ้งท้ายไว้
………..

คิดถึงวังวนในการบริหารงานของหน่วยงานบางหน่วย การแย่งชิงอำนาจต่างๆ นานาในบ้านในเมืองแล้วหดหู่ใจ ยังดีที่มีกลุ่มคนบางกลุ่มยังยึดมั่นในสิ่งที่ดี
………..
แม้จะผิดหวังกับมนุษย์มากมาย แต่ก็ยังคงมองเห็นความหวังจากคนอีกนับไม่ถ้วน
………
ศรัทธา